ในสาขาคณิตตรรกศาสตร์มีการแยกสัจพจน์ออกเป็นสองรูปได้แก่ "สัจพจน์ที่เป็นตรรกะ" และ "สัจพจน์ที่ไม่เป็นตรรกะ" ซึ่งคล้ายคลึงกับการแยก "สัจพจน์" กับ "มูลบท" ในสมัยก่อนตามลำดับ
สัจพจน์ที่เป็นตรรกะ
ในภาษารูปนัยมีสูตรเชิงตรรกะตายตัวที่ถือว่าสมเหตุสมผลโดยสากล (Universally Valid) สูตรนี้จะสอดคล้องกับค่าความจริงทุกค่า โดยปกติแล้วการกำหนดสัจพจน์ที่เป็นตรรกะจะกำหนดให้มีจำนวนน้อยที่สุดที่เพียงพอที่จะพิสูจน์สัจนิรันดร์ในภาษาทั้งหมดได้ ยกเว้นแต่ตรรกะภาคแสดง(predicate logic) จะมีการเพิ่มสัจพจน์มากกว่าที่จำเป็น เพื่อพิสูจน์ค่าความจริงของประโยคที่ไม่เป็นสัจนิรันดร์ภายใต้เงื่อนไขที่รัดกุมตัวอย่าง
ตรรกศาสตร์เชิงประพจน์
ในตรรกศาสตร์เชิงประพจน์ โดยปกติแล้วจะมีสูตรเชิงตรรกะที่กำหนดให้เป็นสัจพจน์ดังนี้ เมื่อให้ ϕ, χ, and ψ เป็นสูตรเชิงตรรกะใดๆ ในภาษารูปนัย ภายใต้ตัวดำเนินการทางตรรกศาสตร์เพียงสองอันได้แก่ "



เค้าร่างสัจพจน์ทั้งสามเมื่อรวมกับ modus ponens นั้นเพียงพอที่จะพิสูจน์สัจนิรันดร์ในตรรกศาสตร์เชิงประพจน์ทั้งหมดได้ แต่การหยิบแค่สองเค้าร่างนั้นไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์สัจนิรันดร์ทั้งหมด จำนวนของสัจพจน์ของตรรกเชิงประพจน์ดังกล่าวจึงน้อยที่สุดแล้วที่จะพิสูจน์สัจนิรันดร์ทั้งหมดได้ นอกจากนั้นแล้ว เรายังสามารถสร้างเค้าร่างสัจพจน์อื่นๆ ภายใต้ตัวดำเนินการทางตรรกศาสตร์ได้อย่างอิสระจากเค้าร่างสัจพจน์ดังกล่าว [1] และเค้าร่างสัจพจน์นี้ยังใช้ในตรรกศาสตร์ภาคแสดงแต่ต้องเพิ่มสัจพจน์ที่เป็นตรรกะอื่นๆ ลงไป เช่นสัจพจน์ของตัวบ่งปริมาณ เป็นต้น[2]
คณิตตรรกศาสตร์
สัจพจน์แห่งความเท่ากัน ให้
เป็นภาษาอันดับหนึ่ง และ x เป็นตัวแปรใดๆ บนภาษานั้น จะได้ว่า

เป็นสูตรที่สมเหตุสมผล
นั่นหมายความว่าสำหรับตัวแปร x ใดๆ การเขียน x = x ย่อมเป็นสัจพจน์เสมอ

เค้าร่างสัจพจน์สำหรับตัวอย่างสากล ให้
เป็นสูตรบน
ซึ่งเป็นภาษาอันดับหนึ่ง ตัวแปรx และเทอม t ซึ่งสามารถ แทนค่าได้บน x ใน ϕ จะได้ว่า

เป็นสูตรที่สมเหตุสมผล
โดยที่สัญลักษณ์ 




เค้าร่างสัจพจน์สำหรับการมีอยู่จริงโดยทั่วไป ให้
เป็นสูตรบน
ซึ่งเป็นภาษาอันดับหนึ่ง ตัวแปรx และเทอม t ซึ่งสามารถ แทนค่าได้บน x ใน ϕ จะได้ว่า

เป็นสูตรที่สมเหตุสมผล



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น